วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คำสอนคนจีน...




คำสอนคนจีน...

คนจีนสอนลูกหลานสืบต่อกันมาว่าให้
" ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน กตัญญู "
จึงทำให้สร้างธุรกิจจากเสื่อผืนหมอนใบได้
และมีการสอนข้อห้ามที่ไม่ควรพูดคำ 5 คำนี้
╭⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠╯
1. "ยาก" พอพูดคำว่ายาก จะเป็น
การบล็อคความสามารถทันที
╭⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠╯
2. "ทำไม่ได้" จะเป็นการขับไล่ตัว
จากสิ่งที่ทำ หรือปิดกั้นการเรียนรู้
╭⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠╯
3. "ท้อ" เพราะเพียงคำนี้ผุดขึ้น
พลังทั้งมวลทั้งร่างกายและจิตใจ
จะถดถอยสูญสิ้น
╭⇠⇠⇠⇠⇠╯
4. "ขี้เกียจ" ไม่ควรแม้แต่ พูดเล่น
เพราะจะทำให้สร้างความไม่รับผิดชอบ
╭⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠╯
5. "เหนื่อย" พอพูดคำนี้ออกมา ร่างกาย
ก็จะตอบสนองด้วยการอ่อนแอลงทันที
╭⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠⇠╯
นี่เป็นหลักจิตวิทยา ( Psychology )
ที่ถูกต้องมากที่สุด สำหรับคนเรา ทุกคน
และตรงกับหลักพุทธศาสนาที่กล่าวไว้ว่า
" จิ ต เ ป็ น น า ย..ก า ย เ ป็ น บ่ า ว "

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

"กฎ 90/10"(24 ก.ย.58)

"กฎ 90/10"
เขียนโดย Stephen Covey
(ยาวหน่อยแต่ดีมากๆ)

การค้นพบกฎ 90/10 ที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น || กฎนี้จะทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไป (อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องที่คุณมีปฏิกริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย) 

กฎนี้ว่าอย่างไรล่ะ? ชีวิตของคุณประกอบไปด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณแค่ 10% แต่อีก 90%ของชีวิตคุณขึ้นอยู่กับว่าคุณมีปฎิกริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆอย่างไร 

มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ? เราไม่สามารถจะควบคุมสิ่งต่างๆ 10% ที่มันเกิดขึ้นกับเราได้ 

เราไม่สามารถห้ามไม่ให้รถเสียได้ เราห้ามไม่ให้เครื่องบินถึงช้ากว่าตารางที่กำหนดไม่ได้ – ซึ่งจะทำให้ตารางกำหนดการต่างๆของเรายุ่งเหยิงไปหมด เราห้ามไม่ให้คนอื่นๆ ขับรถปาดหน้ารถเราไม่ได้ 

สิ่งเหล่านี้ เราไม่สามารถควบคุม เจ้า 10% นี้ได้ แต่เจ้า 90% นี่สิ...มันต่างกัน คุณสามารถกำหนดเจ้า 90% ที่เหลือได้ 

ทำได้ยังไงกัน? ...ก็โดยที่เรามีปฎิกริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆไงล่ะ 

คุณไม่สามารถควบคุมไฟสัญญาณจราจรได้ แต่คุณสามารถควบคุมตัวคุณให้ตอบสนองต่อสัญญาณไฟจราจรได้ อย่าให้ใครมาหลอกคุณได้ ตัวคุณสามารถควบคุมได้ว่าตัวคุณจะแสดงปฎิกริยาออกมาอย่างไร 

ลองดูตัวอย่าง

คุณกำลังทานอาหารเช้ากับครอบครัวอยู่ ลูกสาวบังเอิญปัดถ้วยกาแฟหกใส่เสื้อทำงานของคุณ คุณไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วได้ 

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะเป็นผลจากการที่ท่านแสดงปฎิกริยาออกไปอย่างไร 

คุณสบถ คุณดุลูกสาวอย่างเกรี้ยวกราดที่ทำกาแฟหก ลูกสาวร้องไห้ด้วยความเสียใจ หลังจากที่ได้ดุลูกไปแล้ว คุณหันไปที่ภรรยาแล้วต่อว่าที่เธอวางถ้วยกาแฟไว้ใกล้ขอบโต๊ะมากเกินไป ต่อมาก็เป็นการทุ่มเถียงกัน แล้วคุณก็รีบขึ้นไปห้องชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ จากนั้นก็กลับลงมาชั้นล่างแล้วก็พบว่าลูกสาวยังร้องไห้ไม่เลิก ก็เลยทานอาหารเช้าไม่เสร็จ พอรถโรงเรียนมารับ เธอก็ออกไปไม่ทันรถโรงเรียนที่มารับ 

ภรรยาคุณต้องรีบไปที่ทำงานแต่เช้าวันนี้ คุณเลยต้องรีบออกรถเพื่อไปส่งลูกสาวก่อน เพราะว่าออกจากบ้านสายคุณก็เลยต้องรับ คุณขับรถ 60 ก.ม. ต่อชั่วโมง ในเขตในเมืองที่ไม่ควรขับเร็วกว่า 40 ก.ม. ต่อชั่วโมง 

หลังจากที่สายไป 15 นาที และเสียค่าปรับให้ตำรวจไปแล้ว ในที่สุดก็ถึงโรงเรียน ลูกสาวก็วิ่งเข้าโรงเรียนโดยที่ไม่ได้สวัสดีลา พอมาถึงที่ทำงานสายไป 20 นาที ก็นึกได้ว่าาลืมกระเป๋าเอกสารไว้ที่บ้าน การทำงานก็เริ่มต้นด้วยความขรุขระ เวลาผ่านไป ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเวลาเลิกงาน 

เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าความสัมพันธ์ของคุณกับลูกสาวและภรรยามีรอยร้าวซะแล้ว 

เกิดอะไรขึ้นล่ะ?...ก็เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาออกไปเมื่อเช้านี้ไงล่ะ 

ทำไมคุณถีงมีวันอะไรที่เฮงซวยอย่างนี้? 
ก กาแฟทำให้มันเกิดขึ้นหรือเปล่า 
ข ลูกสาวทำให้เป็นอย่างนี้หรือ 
ค ตำรวจทำหรือไม่ 
ง คุณทำให้มันเป็นเองไม่ใช่หรือ 

คำตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ ง 
คุณไม่สามารถควบคุมอระไรได้กับการที่กาแฟหก แต่ว่าสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาตอบสนองภายใน 5 วินาทีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละที่ทำให้คุณเจอกับวันที่เฮงซวย 

นี่เป็นสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น และ ควรจะเกิดขึ้น 
กาแฟหกใส่คุณ ลูกสาวกำลังหน้าเบ้จะร้องไห้ คุณพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไรจ้า คราวหน้าหนูระวังๆหน่อยนะ” คุณเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเช็ดแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป คุณลงมาชั้นล่างหลังจากเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่พร้อมกับหิ้วกระเป๋าเอกสารติดมาด้วย ทันเวลาที่มองลอดหน้าต่างไป เห็นลูกกำลังจะไปขึ้นรถโรงเรียน เธอหันกลับมาโบกมือลาพร้อมสวัสดี คุณไปถึงที่ทำงานก่อนเวลา 5 นาทีแล้วมีเวลาทักทายคนโน้นคนนี้ด้วยอารมณ์ที่สดชื่น เจ้านายออกปากว่าคุณต้องมีอะไรดีแน่เลยวันนี้ถึงได้อารมณ์แจ่มใส 

เห็นความแตกต่างไหม? 

เหตุการณ์จำลอง 2 แบบ ทั้งคู่เริ่มต้นเหมือนกัน แต่จบลงต่างกัน ทำไมล่ะ? 

เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาตอบสนองออกไปไงล่ะ 

คุณไม่มีทางที่จะควบคุมเจ้า 10% ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวคุณได้ แต่อีก 90% น่ะขึ้นอยู่กับการแสดงปฎิกริยาตอบสนองของคุณออกไปยังไงล่ะ 

ลองมาดูวิธีต่างๆที่จะนำกฎ 90/10 ไปใช้ ถ้าหากมีใครบางคนพูดจาที่ทำให้คุณเสียหาย ก็อย่างทำตัวเป็นฟองน้ำล่ะ (รับเอาสิ่งเหล่านั้นเข้าตัว) จงปล่อยให้มันไหลไปซะเถอะ เหมือนน้ำที่ไม่ติดอยู่บนแผ่นแก้วนั่นแหละ จงอย่าปล่อยให้คำพูดกล่าวร้ายทำให้คุณประสาทเสียซะล่ะ 

ตอบสนองให้ดีแล้วสิ่งทั้งหลายจะไม่มีวันทำให้คุณเจอกับวันเฮงซวยได้ การมีปฎิกริยาตอบสนองที่ผิดพลาด อาจทำให้เสียเพื่อน โดนไล่ออกจากงาน ประสาทเสีย และอื่นๆ 

คุณมีปฎิกริยาตอบสนองอย่างไรหากมีคนขับรถปาดหน้ารถคุณ? คุณเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวหรือเปล่า เอามือทุบพวงมาลัยพร้อมด่าแม่มันในใจใช่ไหม? เพื่อนของผมคนหนึ่งเคยทำพวงมาลัยรถหลุด... คุณสบถ ตะโกนด่าหรือไม่? เลือดของคุณสูบฉีดปรีดจนเส้นเลือดบนหน้าผากโป่งเลยหรือเปล่า? คุณพยายามหรือแกล้งขับรถไปเฉี่ยวรถคันนั้นจริงๆหรือไม่? 

ใครสนล่ะ หากคุณไปทำงานสาย 10 วินาที ทำไมปล่อยให้รถเนี่ยมีบทบาทต่อการขับรถของคุณล่ะ 

กรุณาจำกฎ 90/10 ให้ขึ้นใจ แล้วไม่ต้องไปสนใจมัน ถ้าเขาแจ้งคุณว่าคุณถูกให้ออกจากงาน 
ทำไมจะต้องหงุดหงิดและนอนไม่หลับด้วยล่ะ มันก็จะลงตัวเองล่ะ แทนที่จะเสียเวลาและกำลังไปกับการกังวลก็ให้ประหยัดพลังและเวลาเอาไว้ใช้หางานใหม่ไม่ดีกว่าหรือ 

เครื่องบินมาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดการ มันก็อาจทำให้กำหนดการทั้งวันของคุณยุ่งเหยิงไปหมด ทำไมคุณถึงไปปล่อยอารมณ์บูดใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินล่ะ พวกเขาไม่ได้เป็นคนควบคุมให้เครื่องบินมาตรงเวลาได้ซะหน่อย 

ทำไมไม่ใช้เวลาทำความรู้จักกับผู้โดยสารคนอื่นๆล่ะ ทำไมจะต้องเครียดด้วย นั่นยิ่งทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงไปกว่าเดิมอีก 

ตอนนี้ พวกคุณรู้เรื่อง กฎ 90/10 แล้ว นำกฎนี้ไปใช้แล้วคุณจะประหลาดใจกับสิ่งดีๆที่ได้รับ 

ท่านจะไม่เสียอะไรเลย ถ้าท่านลองใช้กฎนี้ กฎ 90/10 นี่ยอดเยี่ยมากเลย มีคนจำนวนไม่มากที่รู้จักและนำกฎนี้ไปใช้ 

ผลล่ะเป็นอย่างไร? คนหลายล้านที่มีปัญหาจากความเครียด การฟ้องร้อง ปัญหาต่างๆ และเรื่องกวนใจ เราทั้งหมดต้องเข้าใจและนำกฎ 90/10 ไปใช้ 

กฎนี้สามารถทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปได้........ 

ผู้เขียน : Stephen Covey

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

คำคม 30 ข้อ

คำคม 30 ข้อ


- 30 คำคม จาก ท่าน ว.วชิรเมธี




คำคม 30 ข้อ อ่านแล้วคิดตาม นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันรับรองชีวิตของทุกคนต้องดีขึ้นแน่นอน...

1. ครั้งที่แม่ตบลงไปบนหน้าลูกอาจก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนลึกลงไปสุดใจของลูก ทั้งชีวิต หนึ่งอ้อมกอดที่แม่บรรจงหยิบยื่นให้ลูกอาจก่อให้เกิดความพันผูกข้ามกาลเวลา ทุกๆปฏิสมัพนธ์เป็นได้ทั้งบาดแผลและดอกไม้สำหรับลูก
2. คนใกล้ชิดเป็นศัตรูแม้กำแพง 7 ชั้น ก็ป้องกันไม่ได้ ศัตรูที่มาจากภายนอกต่อให้ยกมาถึง 9 ทัพ เราก็มองเห็นและเตรียมตัวทัน แต่ศัตรูที่มาจากคนในด้วยกันคือศัตรูที่อันตรายที่สุดเพราะเรามักมองไม่เห็น และไหวตัวไม่ทัน
3. เวลาเรือเอียงเรามักจะมองเห็นและแก้ไขได้ทันท่วงที แต่ความลำเอียงในใจคนมักถูกปกปิดอย่างมิดชิดและแสดงออกอย่างแยบยล กว่าจะรู้ว่าคนที่เรารักมากด้วยความลำเอียงบางครั้งมันก็สายเกินไป

4. ไม่มีแรงใดเสมอด้วยแรงกรรม แรงฟ้ามนุษย์แก้ได้ด้วยสายล่อฟ้า แรงน้ำมนุษย์แก้ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางหรือสร้างกำแพงกั้นน้ำ แรงพายุมนุษย์แก้ได้ด้วยการปลูกป่า แต่แรงกรรมมีแต่ต้องก้มหน้ารับโดยส่วนเดียว
5. อยู่คนเดียวจงระวังความคิด อยู่กับมิตรจงระวังวาจา อยู่กับมารดาบิดาจงระวังการปฏิบัติตน ถ้าคิดไม่ระวังจะกลายเป็นคิดฟุ้งซ่าน ถ้าพูดไม่ระวังมิตรจะเข้าใจผิด ถ้าปฏิบัติไม่ดีต่อมารดาบิดาจะเป็นการสร้างบาปให้ตนเอง
6. ทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก ยังดีกว่าทำให้คนแตกกันเนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้วสามารถประสานให้ดีดังเดิม ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก
7. สิ่งที่เราให้คนอื่นแท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า เช่น วันนี้เราด่าเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาด่า วันนี้เราโกงเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาโกง วันนี้เราเนรคุณเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาเนรคุณ
8. ความดีที่ทำไว้ในหมู่คนพาลถึงมากมายมหาศาลก็สูญเปล่า การทำสิ่งดีๆใก้แก่คนที่ไม่เห็นคุณค่าก็ไม่ต่างอะไรกับการเทน้ำลงกองทราย ถึงเทอย่างไรก็ซึมหายหมด ดังนั้นจะทำดีกับใครควรใช้ปัญญาคิดให้รอบคอบ
9. การมีความสุขที่ก่อความทุกข์ให้คนอื่นั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้ มันเป็นได้แค่ความสุขจากการเกาขอบแผลที่กำลังคัน ยิ่งเกาดูเหมือนยิ่งสุข แต่แท้ที่จริงมันคือความทุกข์ที่แฝงมาอย่างแนบเนียน
10. ดูข่าวการเมืองยิ่งดูยิ่งวุ่นวายยิ่งดูยิ่งฟุ้งซ่าน แต่หากกลับมาดูใจของตนอย่างมีสติ รู้เท่าทันทุกเรื่องที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ความทุกข์มากมายจะดับลง ดูจิตวันละนิดจิตแจ่มใส
11. น้ำขุ่นที่ใส่สารส้มลงไป น้ำที่ขุ่นนั้นก็ใสได้เหมือนกัน ใจขุ่นหากใส่สารแห่งความรู้สึกตัวลงไป ไม่นานเท่าไรใจนั้นก็แจ่มกระจ่างเหมือนกัน น้ำขุ่นแก้ได้ฉันใด ใจขุ่นก็แก้ได้ฉันนั้น
12. คนที่ทำงานผิดพลาดแล้วป่าวประกาศว่าเป็นความผิดของคนอื่น คือคนที่มีแต่จะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนคนที่ทำงานผิดพลาดแล้วลุกขึ้นมายอมรับอย่างองอาจเปิดเผย คือคนที่ไม่มีโอกาสผิดพลาดซ้ำอีกเลยในชีวิต
13. ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งความไม่ตาย ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ผู้ไม่ประมาทไม่มีวันตาย ผู้ประมาทไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว กวีบทนี้ทำให้พระเจ้าอโศกเปลี่ยนจากกษัตริย์ที่ดุร้ายมาเป็นชาวพุทธชั้นนำ
14. คนไทยไปงานศพแทบทุกเย็นโดยไม่เคยรู้สักนิดว่าวันหนึ่งตัวเราจะเป็นศพ ดังนั้นเราควรฝึกไปงานศพตัวเองทุกวันด้วยการบอกกับตัวเองว่า ความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก
15. อยากโชคดีไม่ใช่ไปหาวิธีลอดท้องช้าง แต่อยากโชคดีเริ่มกันที่การมีสติปัญญาในการดำเนินชีวิตประจำวัน ขอเพียงมีปัญญาโชคดีก็ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ถ้าไร้ปัญญาโชคร้ายจะไหลเข้ามาเหมือนห่าฝน
16. อ่านหนังสือเล่มนอกมากมายอาจทำให้รู้จักใครทั่วทั้งโลก แต่ไม่รู้วิธีดับทุกข์ในใจตัวเอง ส่วนการอ่านหนังสือเล่มใน แม้ทำให้ไม่รู้จักใครอย่างกว้างขวาง แต่นำไปสู่การรู้จักตนอย่างลึกซึ้ง ดับทุกข์ได้อย่างเด็ดขาด
17. ในตัวเรามีทั้ง 3 ฤดู เมื่อความโกรธเข้าครอบงำจิต ใจร้อนเป็นไฟดั่งฤดูร้อน เมื่อใดความโลภเข้าครอบงำอยากได้ จิตใจก็เพลิดเพลินเหมือนฤดูฝนเย็นฉ่ำ เมื่อใดความหลงเข้าครอบงำจิตใจ ก็มืดมนไหวสะท้านเหมือนเดินอยู่กลางฤดูหนาว
18. แม้ประตูคกปิดล็อกอย่างแน่นหนา แต่คนพาลมากมายทยอยสู่ที่คุมขัง ความเลวร้ายประดาในชีวิตเราไม่ได้เกิดจากมือที่มองไม่เห็นดลบันดาลให้เป็นไป แต่เกิดจากตัวเราพาตัวเข้าไปแส่หาด้วยความขลาดเขลาเบาปัญญาทั้งสิ้น
19. ชีวิตแสนสั้นอยู่กันไม่นานก็ลาจาก ชีวิตเหมือนน้ำค้างสดใสในยามเช้าพอยามสายก็หายไป ชีวิตเหมือนพยับแดด มองไกลๆเหมือนมีตัวตนน่าสนใจ แต่พอเข้าไปใกล้กลับเหมือนแต่ความว่างเปล่า
20. นิ้วทั้ง 5 ไม่เท่ากันฉันใด ความสามารถของแต่ละคนมีไม่เท่ากันฉันนั้น ธรรมชาติต้องการสอนให้เราอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย บางสิ่งที่เขาขาดเราอาจมี บางสิ่งที่เขาดีเราอาจด้อย เราเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกัน
21. ในใจเรามีทั้งตัวสร้างและตัวเสื่อม ตัวสร้างคือธรรมมะ ตัวเสื่อมคือกิเลส เวลาอยากทำอะไรดีๆนั่นคือบทบาทของตัวสร้าง แต่ในขณะที่เราอยากทำดีกลับรู้สึกว่าไม่ควรจะทำ นั่นคือบทบาทของตัวเสื่อม
22. วิกฤตมีเพื่อพิสูจน์ปัญญา ปัญหามีเพื่อพิสูจน์ความสามารถ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราล้วนมีความหมาย ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาอย่างว่างเปล่า ถ้าใช้ปัญญาพิจารณาอย่างลึกซึ้งจะเห็นคุณค่าของทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต
23. น้ำที่ไหลแรงที่สุดคือน้ำใจ น้ำใจที่ปรารถนาจะช่วยคนทำให้คนจำนวนมากข้ามน้ำข้ามทะเลไปช่วยเพื่อนมนุษย์ ที่ตกยากได้อย่างไม่กลัวเหนื่อยล้า พรมแดนของประเทศก็ไม่สามารถขัดขวางน้ำใจคน
24. ไฟจากเตาเผาไหม้มีแค่บางเวลา แต่ไฟกิเลสเผาไหม้อยู่ในใจตลอดเวลา ไฟที่ร้ายแรงที่สุดจึงเป็นไฟแห่งกิเลส กล้องที่ส่องได้ไกลที่สุดคือ กล้องปัญญา ที่ส่องทะลุทะลวงไปถึงอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
25. นัยอันลึกล้ำของคำว่าขอบคุณ ขอบคุณความไม่มีที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้ ขอบคุณความยากจนที่ทำให้เป็นคนมุมานะ ขอบคุณความล้มเหลวที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ
26. คนที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความโกรธ ต่อให้นอนบนเตียงราคาแพงลิบลิ่ว ปูด้วยพรมขนสัตว์ที่มีลวดลายบุปผชาติประดับไปทั้งผืน ก็ไม่อาจทำให้หลับตาลงอย่างเป้นสุขได้เลยตลอดรัตติกาลอันยาวนาน
27. นัยอันลึกล้ำของคำว่าขอบคุณ ขอบคุณความผิดพลาดที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม ขอบคุณความริษยาที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ
28. แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืนก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนก็ยังคงโง่เท่าเดิม
29. นัยอันลึกล้ำของคำว่าขอบคุณ ขอบคุณความไม่รู้ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์ ขอบคุณความผิดหวังที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นใหม่ ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้าที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ
30. อยู่ให้คนเขารัก จากไปให้คนเขาอาลัย ล่วงลับไปให้คนเอ่ยอ้างถึง อยู่ให้คนรักคืออยู่อย่างผู้ให้ จากไปให้คนอาลัยคือก่อนจากสร้างสรรค์แต่สิ่งมีคุณค่า ล่วงลับไปให้คนระลึกถึงคือ เวลามีชีวิตทำแต่คุณงามความดีจนเป็นที่จดจำ

รวมข้อคิด คำคม



รวมข้อคิด คำคม จาก ว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi) พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี

- จงเอาชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ จงเอาชนะความชั่วด้วยความดี จงเอาชนะความตระหนี่ด้วยการให้ จงเอาชนะความเท็จด้วยความสัตย์
- ความรักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต อย่าอุทิศทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อความรักจนเสียผู้เสียคน
- อย่ารักจนหน้ามืดตามัว กระทั่งมองไม่เห็นหัวของมารดาบิดาบังเกิดเกล้า
- โลกนี้มีพอสำหรับทุกคน แต่ยังคงขัดสนสำหรับผู้ไม่พอ

- คนฉลาดชอบแกล้งโง่ คนโง่ชอบเสแสร้งว่าฉลาด ส่วนนักปราชญ์เรียนรู้ที่จะฉลาดและเรียนรู้ที่จะโง่
- เพราะ รักแท้ คือ กรุณา รักแท้มาเมื่อไหร่ ความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานและการเป็นผู้ให้ก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น
- หากคุณขยันเหมือนมด รับประกันว่าชาตินี้ "ไม่มีวันอดตาย"
- ชีวิตจะเป็นอย่างไร... ขึ้นอยู่กับว่า เราเลือกเส้นทางไหน ให้ตัวเองดำเนิน
- แก้วที่เต็มไปด้วยน้ำ ไม่อาจรองรับน้ำได้อีกฉันใด คนที่เต็มไปด้วย "ทิฐิมานะ" ก็ไม่อาจรองรับภูมิปัญญาได้อีกฉันนั้น
- ผู้มีปัญญาเมื่อปรารถนาสุข ๓ อย่าง คือ ความสรรเสริญ ความได้ทรัพย์ และความละไปบันเทิงในสวรรค์ ก็พึงรักษาศีล

- เมื่อเติมความใส่ใจลงไปในทุกกิจกรรมของชีวิต เราจะพบว่า “วันทั้งวันก็คือ คืนวันแห่งการเจริญสติ” อย่างแท้จริง และการเจริญสติจะไม่ใช่กิจกรรมที่ต้องแยกไปทำต่างหากจากชีวิตอีกต่อไป แต่การณ์จะกลายเป็นว่า มีชีวิตอยู่ที่ไหน ก็มีการเจริญสติอยู่ที่นั่น
- ผู้ที่ทำความชั่วด้วยสำคัญตัว่าตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ครั้นเมื่อทำแล้ว ก็หาได้สะดุ้งเกรงกลัวต่อผู้อื่น ความชั่วนั้น จะทำให้เขามีชีวิตตลอดอายุขัยไม่ได้ แม้เทวดาทั้งหลาย ก็มองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
- อย่าปล่อยให้การล้มครั้งเดียวมีความหมายเท่ากับการล้มทั้งชีวิต แต่ควรคิดว่า การล้มหนึ่งครั้งแสดงว่าชีวิตยังต้องการให้เราพิสูจน์ตนเองครั้งใหม่ในเส้นทางเก่า หรือไม่ก็ในเส้นทางอื่น ๆ อีกมากมาย
- เรามีเวลาจำกัด(Our Time is Limited)
- ตะแกร่งร่อนทอง สติปัญญาร่อนธรรม

- อนาคตขึ้นอยู่กับมันสมองสองมือของตน ไม่ใช่ผลของพรหมลิขิต
Your future lies in your hands and your brain, not fate.

- เกิดเป็นคนทั้งที อย่าเป็นคนชนิดที่เหมือน "ต้นไม้ยืนต้นตาย"


แต่ควรเป็นคนที่ "มีชีวิตชีวา" อยู่ที่ไหนก็ก่อให้เกิดการพัฒนาขึ้น แก่

ที่แห่งนั้นเสมอไป